วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Windows Media Encoder ลดขนาดไฟล์วิดีโอ

Windows Media Encoder ลดขนาดไฟล์วิดีโอ ผู้ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีกล้องดิจิตอลวิดีโอกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะถ่ายโฮมวิดีโอไว้ดูกันแล้ว ส่วนใหญ่ยังสามารถถ่ายรูปได้คมชัดไม่แพ้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลอีกด้วย และด้วยวัฒนธรรมวิดีโอที่เฟื่องฟูนี่เอง ทำให้ผู้ใช้หลายคนพบว่า ฮาร์ดดิสก์ของเครื่องเต็มไปด้วยไฟล์วิดีโอที่มีขนาดใหญ่ จนแทบไม่เหลือที่ไว้ใช้ทำงานอย่างอื่นแล้ว ร้อยละ 90 เป็นโฮมวิดีโอ จะลบทิ้งก็เสียดาย ครั้นจะเก็บไว้ก็ไม่มีที่ทำงานแล้ว ทางแก้ของปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ แปลงฟอร์แมตไฟล์วิดีโอเหล่านี้ซะ หรือไม่ก็แบ็กอัพลงแผ่นดีวีดี แต่หลายคนแม้จะแบ็กอัพแล้วก็ยังรู้สึกอยากจะเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วย นายเกาเหลามีคำตอบมาแนะนำกันครับ หากเพื่อนๆ ต้องการเก็บไฟล์วิดีโอที่มีอยู่มากมายไว้บนฮาร์ดดิสก์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการประหยัดพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไปด้วย นายเกาเหลาแนะนำให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแจกฟรีที่ชื่อว่า Windows Media Encoder เพื่อแปลงฟอร์แมตให้วิดีโอมีขนาดไฟล์ที่เล็กลง ซึ่งหลังจากติดตั้งเข้าไปแล้ว ให้คลิ้ก New Session บนทูลบาร์ จากนั้นคลิ้ก Convert a file โปรแกรมจะมีตัววิเศษ (Wizard) ให้คลิ้กตามขั้นตอน โดยที่ดีฟอลต์โปรแกรมเราจะเห็นเฉพาะฟอร์แมตที่แน่นอนเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องเห็นวิดีโอทุกฟอร์แมต ให้คลิ้กเลือก All files ในช่อง Files of type การแปลงฟอร์แมตไฟล์วิดีโอถือว่าเป็นงานที่หนักมากสำหรับโพรเซสเซอร์ ดังนั้น คงต้องให้เวลาในการทำงานกับโปรแกรมมากสักหน่อย ซึ่งในขั้นตอนการกำหนดค่าการทำงานให้กับโปรแกรม พึงระลึกว่า ยิ่งต้องการให้คุณภาพของวิดีโอที่ได้สูงมากเท่าไร ขนาดของไฟล์หลังจาก encode ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น เพื่อนๆ อาจจะต้องเลือกคุณภาพที่ต่ำลงมาในระดับที่รับได้ เพื่อแลกกับพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ที่จะได้คืนกลับมานั่นเอง แต่ถ้าทำใจกับการแลกพื้นที่กลับมาด้วยคุณภาพไฟล์วิดีโอที่ลดลงไม่ได้ แนะนำให้ซื้อฮาร์ดดิสก์แบบภายนอกไว้ใช้เก็บไฟล์วิดีโอโดยเฉพาะเลยจะดีกว่า เนื่องจากปัจจุบันมันมีราคาถูกลงมา ในขณะที่มีความจุสูงสูงขึ้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณแล้วละครับ สนใจดาวน์โหลด Windows Media Encoder ได้ที่ http://www.microsoft.com/windows/windowsmedia/forpros/encoder/default.mspx

วิธีกำจัดไวรัส Mytob ออกจากคอมพิวเตอร์

Tips นี้เป็นขั้นตอนการกำจัดไวรัส Mytob ออกจากคอมพิวเตอร์ ครอบคลุมไวรัส Mytob ทุกสายพันธ์

1. ปิด System Restore Windows ME และ XP มีระบบ Ststem Restore ที่จะเก็บสำเนาไฟล์ สำคัญๆ เอาไว้ในโฟลเดอร์ _Restore ซึ่งโปรแกรม Antivirus จะไม่สามารถตรวจสอบ และแก้ไขไฟล์ที่ติดไวรัสในโฟลเดอร์นี้ได้ หากไม่ปิด System Restore เสียก่อน

 - วิธีปิด System Reostore สำหรับ Window ME
  1. คลิกขวาที่ MyComputer เลือก Properties
  2. เลือกแท็บ Perfomance
  3. คลิกที่ปุ่ม File System
  4. คลิกที่แท็บ Troubleshooting.
  5. เลือก Disable System Restore.
  6. คลิก Apply > Close > Close.
  7. เครื่องจะถามให้ Restart ตอบ Yes.
  8. กด F8 ค้างไว้ ขณะที่เครื่องกำลัง Restart
  9. เลือก Safe mode กด Enter
  10. เมื่อ Restart เสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและกำจัดไวรัส หลังจากการตรวจสอบไวรัส ก็สามารถเปิดระบบ System Resotre กลับมาใช้ได้

 - วิธีปิด System Reostore สำหรับ Window XP
  1. เข้าสู่ระบบด้วย Administrator.
  2. คลิกขวาที่ MyComputer เลือก Properties
  3. เลือกแท็บ System Restore.
  4. เลือก Turn off System Restore.
  5. คลิก Apply > Yes > OK.

2. Reboot เครื่อง

3. กด F8 ค้างไว้ ขณะที่เครื่องกำลัง Restart

4. เลือก Safe mode กด Enter

5. แก้ไข Registry และไฟล์ระบบที่ถูกไวรัสเปลี่ยนแปลงไป วิธีการแก้ไข Registry สำหรับการกู้เครื่องที่ติดหนอน Mytob ทุกสายพันธ์

6. Reboot เครื่องในโหมดที่สามารถเชื่อมต่อกับ internet ได้

7. อัพเดตโปรแกรม Antivirus และ Virus Signature เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

8. รันโปรแกรม Antivirus เพื่อ ตรวจสอบไวรัสทั้งระบบ

9. ดาวน์โหลดและติดตั้ง patch เพื่ออุดช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการ Windows

ใช้ Quad-Core เลยดีไหม ?

ใช้ Quad-Core เลยดีไหม ?

  มีผู้ใช้คนหนึ่งอยากประกอบคอมพ์ขึ้นใช้เอง หลังจากที่ผ่านการอบรมมาแล้ว ซึ่งเขามั่นใจว่า สามารถเลือกชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบคอมพ์ที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง แต่ปัญหาของเขาคือ เขาตัดสินใจไม่ได้ว่า ควรจะเลือกใช้โพรเซสเซอร์อะไรดี โดยเฉพาะ Quad-core ที่มีราคาค่อนข้างแพง มันคุ้มไหมที่จะเล่นตอนนี้

  ปัจจุบันกระแสนิยมคลั่งไคล้ในโพรเซสเซอร์มัลติคอร์เป็นอะไรที่หยุดไม่ได้เสียแล้ว ซึ่งก่อนที่จะว่ากันต่อไป นายเกาเหลาขออธิบายสักเล็กน้อยให้ผู้อ่านมือใหม่ได้ติดตามเรื่องนี้ไปด้วยนะครับ ในทางทฤษฎีแล้ว แต่ละแกน (core) ของโพรเซส จะสามารถทำงานได้เท่ากับโพรเซสตัวหนึ่งเลย ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า โพรเซสเซอร์ Dual-core มีประสิทธิภาพการทำงานเป็นสองเท่าของ Single-core หรือโพรเซสแกนเดียวที่ใช้กันในอดีต ซึ่งก็แน่นอนว่า หากจะประเมินว่า Quad-core สามารถให้ประสิทธิภาพในการทำงานเป็น 4 เท่าของ Single-core ก็เห็นจะไม่ผิดไปจากความจริงมากนัก...แต่เดี๋ยวก่อน...นายเกาเหลายังไม่ได้สรุปคำตอบนี้

  ความจริงที่น่าเสียดายก็คือ ซอฟต์แวร์ที่มีให้ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ยังวิ่งตามหลังฮาร์ดแวร์อยู่เลย พูดง่ายๆ ก็คือ โปรแกรมส่วนใหญ่ยังไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบที่มีอยู่ในโพรเซสเซอร์มัลติคอร์ หากเป็นนายเกาเหลา คงจะเลือกซื้อโพรเซสเซอร์ที่มีราคาถูกกว่าอย่าง Intel Core 2 Duo หรือ AMD Athlon Dual Core มาใช้ดีกว่า ส่วนงบประมาณที่เหลือเอาไปซื้อมอนิเตอร์ที่มีขนาดใหญ่น่าจะดีกว่านะครับ

ปรับแต่ง Sidebar (Windows Vista)

ปรับแต่ง Sidebar (Vista)

  เท่าที่นายเกาเหลาได้พูดคุยกับผู้ใช้วิสต้าหลายๆ คนพบว่า ทุกคนใช้งานเหมือน XP ประมาณว่า ไม่ค่อยได้ใช้คุณสมบัติบางอย่างที่เขาอุตส่าห์พัฒนาขึ้นมาให้ใช้ อย่างเช่น สไลด์บาร์ (Sidebar) ที่บางคนบ่นว่าไม่ชอบอีกต่างหากแน่ะ แต่ก็มีผู้ใช้ไม่น้อยที่สนใจ แต่ไม่รู้ว่ามันเปิด ปิด หรือปรับแต่งการใช้งานได้อย่างไร ? ซึ่งนายเกาเหลาว่า ถ้าผู้ใช้ได้สัมผัส และใช้งานสไลด์บาร์ อย่างจริงจังจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน เพราะมันทำให้ วิสต้า มีลูกเล่นการใช้งานที่ตอบสนองความพอใจของผู้ใช้มากมายทีเดียว

  ปกติ Windows Sidebar สามารถเปิดการทำงานได้โดยคลิ้กปุ่ม Start, All Programs ตามด้วย Accessories ซึ่งภายในสไลด์บาร์ที่ปรากฏทางด้านขวาของเดสก์ทอป จะสามารถติดตั้งโปรแกรมยูทิลิตีขนาดเล็กที่เรียกว่า Gadget ได้มากมาย โดยเพื่อนๆ สามารถเพิ่ม Gadget เข้าไปในสไลด์บาร์ได้ด้วยการคลิ้กขวา บนพื้นที่ของสไลด์บาร์ แล้วเลือกคำสั่ง Add Gadgets นอกจากนี้ยังมี Gadgets ไว้คอยบริการผู้ใช้มากมายที่ Windows Live Gallery อีกด้วย โดยคลิ้กที่ Get More Gadgets Online ซึ่งขณะเขียนบทความอยู่นี้ นายเกาเหลาได้เข้าไปเยี่ยมชมไซต์ดังกล่าว ปรากฏว่า มันมี Gadgets ให้ดาวน์โหลดไปใช้งานฟรีๆ ถึง 1,355 ตัวเข้าไปแล้ว โดยเพื่อนๆ สามารถใช้ Gadgets เหล่านี้ได้ด้วยการคลิ้กปุ่ม Download เพื่อติดตั้งเข้าไปในสไลด์บาร์ครับ สำหรับ Gadgets ที่นายเกาเหลาใช้อยู่ก็จะมี ข่าวเด็ดเจ็ดสี และ RSS Feed Reader ครับ อะแฮ่มลืมบอกวิธีปิด Sidebar ง่ายนิดเดียวครับ แค่กดคลิ้กขวา แล้วเลือกคำสั่ง Close Sidebar เพียงแค่นี้ เพื่อนๆ ก็จะได้พื้นที่เดสก์ทอปกลับคืนมาแว้ว...

สร้างข้อความแจ้งเตือนก่อนล็อกออน (Windows Vista)



สร้างข้อความแจ้งเตือนก่อนล็อกออน (Vista)

  นี่ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ปัดฝุ่นมาจากทิปที่เคยแนะนำใน Windows XP นั่นก็คือ การปรับแต่งข้อความแจ้งเตือนก่อนที่ผู้ใช้จะล็อกออนเข้าสู่ระบบ ซึ่งปรากฏว่า ระบบปฏิบัติการ Vista ยอมให้ทำเช่นนี้ได้เหมือนกัน

  โดยส่วนใหญ่แล้ว แผนกไอทีมักจะใช้เทคนิคนี้ในการแสดงข้อความเตือนเกี่ยวกับกฎระเบียบ ตลอดจนนโยบายในการใช้งานเครือข่ายให้ผู้ใช้ทราบ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ สามารถแก้ไขข้อความนี้ได้ตามต้องการ สำหรับขั้นตอนการปรับแต่งข้อความแจ้งเตือนก่อนล็อกออนมีดังนี้

1. ให้กดคลิ้กปุ่ม Start เลือก All Programs ตามด้วย Administrative Tools จากนั้นเลือก Local Security Policy

2. กดคลิ้กขยายรายการที่ซ่อนอยู่ใน Local Polocies เลือก Secutiry Options

3. ให้ดับเบิลคลิ้ก Interactive logon: Message text for users attempting to log on.

4. ในแท็บ Local Policy Settings พิมพ์ข้อความที่เพื่อนๆ ต้องการให้แสดงก่อนล็อกออน

5. กดคลิ้กปุ่ม OK แล้วรีสตาร์ต

Restart XP จาก Task Manager

รีสตาร์ต XP จาก Task Manager

  เชื่อว่า ประสบการณ์ที่ Windows XP แช่แข็งตัวเอง ไม่ยอมรับคำสั่งใดๆ แม้แต่จะเปิดเมนู Start ขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้เลย คงจะเคยเกิดขึ้นกับเพื่อนๆ หลายคนส่วนใหญ่เลือกวิธีปลิดชีพด้วยการกดปุ่ม Power เพื่อปิดเครื่อง ถ้าไม่ยอมก็ดึงปลั๊กมันซะเลย อะไรจะโหดร้ายปานนั้น

  อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เพื่อนๆ จะใช้ไม้ตายจัดการกับปัญหาด้วยวิธีดังกล่าว นายเกาเหลาอยากให้ลองอีกสักวิธีหนึ่งจะได้ไหมครับ ที่สำคัญมันปลอดภัยกว่า วิธีข้างต้นนี้อย่างแน่นอน นั่นก็คือ การสั่งรีสตาร์ตผ่าน Task Manager

  การปิดเครื่องด้วยวิธี hard reset ที่เป็นไม้ตาย บ่อยครั้งที่พบว่า มันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบปฏิบัติการ และคอมพิวเตอร์มีอาการรวนในอนาคตอันใกล้

  การใช้รีสตาร์ตระบบด้วยซอฟต์แวร์เป็นวิธีที่นุ่มนวลกว่า ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันในการที่เพื่อนๆ จะเปิด Task Manger ขึ้นมานั่นก็คือ

กดปุ่ม Ctrl + Alt + Del แล้วคลิ้กบนปุ่ม Task Manager

กดปุ่ม Ctrl + Shift + Esc เพื่อเปิด Task Manager

  เมื่อ Task Manger ปรากฎขึ้นมาแล้ว นอกจากเพื่อนๆ จะสามารถค้นหาโพรเซสที่แฮงอยู่ในระบบ เพื่อปิดมันลงไป เพื่อว่า ระบบอาจจะฟื้นกลับมาอีกครั้งก็ได้ หรือจะคลิ้กเมนู Shut Down เลือกคำสั่ง Restart เพื่อให้คอมพิวเตอร์เริ่มต้นทำงานทุกอย่างใหม่ก็ได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะวิธีไหน ก็ให้ความปลอดภัยกับระบบมากกว่าการปิดสวิตช์คอมพิวเตอร์อย่างแน่นอนครับ

วิธีย้ายเพื่อน MSN จากเก่าไป MSN ใหม่

วิธีย้ายลิสต์จาก MSN จากเก่าไป MSN ใหม่

  สำหรับวิธีย้าย Contact List ของ MSN นั้นอันดับแรก คุณต้องบันทึก Contact List ที่ต้องการเสียก่อน วิธีการคือ ให้คุณเปิด MSN ขึ้นมา ที่แถบด้านบนของตัวโปรแกรม เลือกคำสั่ง Contacts > Save > Contact List... จะมีหน้าต่าง Save Messenger Contact List ปรากฎขึ้น ให้ระบุตำแหน่งของแฟ้มที่ต้องการบันทึกไฟล์ ตั้งชื่อที่ต้องการแล้ว กด OK เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ไฟล์รายชื่อ Contact List (นามสกุล .ctt) บันทึกในรูปแบบไฟล์แล้ว

  วิธีการนำไปใช้ ให้คุณ Sing-in โปรแกรม MSN ด้วยอีเมล์ใหม่ จากนั้นให้คลิกคำสั่ง Contacts ของโปรแกรม MSN สังเกตุที่บรรทัดล่างสุด จะพบกับคำสั่งย่อย Import Contacts from a Saved File... ให้คลิกคำสั่งนี้แล้วจะปรากฎหน้าต่างให้ค้นหาไฟล์ Contact List ขึ้นมา ให้คุณระบุตำแหน่งไปที่ไฟล์ที่คุณสร้างไว้ตอนต้น แล้วกด Open เพียงเท่านี้ รายชื่อทั้งหมดก็จะเข้ามาอยู่ใน Contact List ของอีเมล์แอดเดรสอันใหม่แล้วครับ